วิ๊ทำการถักกระเป๋าลายต่าง ๆมีวิธีการดังนี้ สนใจติตต่อได้ที่ 0892785255
การรักษาอุณหภูมิของสิ่งมีชีวิต
การรักษาดุลยภาพอุณหภูมิในร่างกาย
การหอบของสัตว์ สิ่งมีชีวิตแต่ละชนิด จะมีอุณหภูมิในร่างกายไม่เท่ากัน การจำแนกสัตว์โดยอาศัยอุณหภูมิของร่างกายเป็นเกณฑ์ สามารถแบ่งได้เป็น 2 ประเภท คือ สัตว์เลือดอุ่น และสัตว์เลือดเย็น
สัตว์เลือดอุ่น คือ สัตว์ที่มีอุณหภูมิของร่างกายอยู่ในระดับค่อนข้างคงที่ อุณหภูมิของร่างกายจะไม่เปลี่ยนแปลงไป ตามสภาพแวดล้อม แม้ว่าอุณหภูมิของสิ่งแวดล้อมจะเปลี่ยนแปลงมากเท่าใดก็ตาม ได้แก่ สัตว์จำพวกนก
สัตว์เลือดเย็น คือ สัตว์ที่มีอุณหภูมิของร่างกายเปลี่ยนแปลงไปตามสภาพของสิ่งแวดล้อม อุณหภูมิในร่างกายจึงอยู่ใกล้เคียงกับอุณหภูมิสิ่งแวดล้อมที่สัตว์อาศัยอยู่ ได้แก่ สัตว์เลื้อยคลาน ปลา สัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำ
สัตว์มีกลไกในการรักษาอุณหภูมิของร่างกาย คือ
1. โครงสร้างของร่างกาย เช่น สัตว์ที่อยู่ในเขตหนาวจะมีขนยาวกว่าสัตว์ที่อยู่ในเขตร้อน
2. กลไกทางสรีรวิทยา ไฮโปทาลามัส (HYPOTHALAMUS) จะไวต่ออากาศหนาว
เมื่อได้รับการกระตุ้น ไฮโปทาลามัสจะไปกระตุ้นให้เกิดการเปลี่ยนแปลงดังนี้
– ทำให้เส้นเลือดที่นำเลือดมาเลี้ยงผิวหนังหดตัว ทำให้เลือดที่มาเลี้ยงผิวหนังลดปริมาณลง ร่างกายจะสูญเสียความร้อนน้อยลง
– กระตุ้นเส้นประสาทควบคุมการหดตัวของกล้ามเนื้อโคนขนทำให้ขนลุกชัน และกล้ามเนื้อให้หดตัวจนเกิดอาการสั่น
– กระตุ้นให้ต่อมไร้ท่อหลั่งฮอร์โมนไปกระตุ้นปฏิกิริยาการสลายอาหารให้ปล่อยพลังงานออกมาเพิ่ม เพื่อชดเชยความร้อนที่ร่างกายสูญเสียไป
สัตว์ อุณหภูมิปกติของร่างกาย
(องศาเซลเซียส)
อุณหภูมิของแหล่งที่อยู่
(องศาเซลเซียส)
นกกระจอก 42.0+-0.1 4 ถึง 25
นกแพนกวิน 39.0+-0.5 0 ถึง 10
เป็ด 43.0+-0.4 4 ถึง 25
วาฬ 35.5+-0.3 ไม่ต่ำกว่า 4
หนู 40.0+-0.6 4 ถึง 25
คน 37.0+-0.6 ช่วงกว้าง
ม้า 38.0+-0.2 ช่วงกว้าง
สุนัข 39.0+-1.1 4 ถึง 25
ช้าง 36.0+-0.7 อาจสูงเกิน 43
อูฐ 37.6+-0.4 อาจสูงเกิน 43
แมว 39.0+-0.9 4 ถึง 25
หมีขาว 37.6+-0.3 -34 ถึง 1
หมี 38.5+-0.5 -7 ถึง 21
จากตาราง จะเห็นว่าสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม และสัตว์จำพวกนก ซึ่งเป็นสัตว์เลือดอุ่น สามารถรักษาอุณหภูมิในร่างกาย ไว้ได้เกือบคงที่ ในขณะที่อุณหภูมิของสิ่งแวดล้อมเปลี่ยนไป ส่วนสัตว์เลือดเย็นมีอุณหภูมิในร่างกายเปลี่ยนแปลงไป ตามของสภาพแวดล้อม แต่มีขีดจำกัดในช่วงอุณหภูมิหนึ่งเท่านั้น
แม้ว่าสัตว์เลือดอุ่นจะสามารถรักษาระดับอุณหภูมิของร่างกายไว้ได้ค่อนข้างคงที่ในขณะที่อุณหภูมิภายนอกเปลี่ยนแปลงไปนั้น ไม่ได้หมายความว่าอุณหภูมิภายนอกจะไม่มีผลกระทบต่อสัตว์เลือดอุ่น ในสภาวะอากาศที่หนาวเย็นหรืออุณหภูมิภายนอกต่ำกว่าอุณหภูมิในร่างกาย จะมีการกระตุ้นการทำงานของสมองส่วนไฮโพทาลามัส ซึ่งมีผลทำให้หลอดเลือดที่นำเลือดมาที่ผิวหนังมีขนาดเล็กลง เมื่อหลอดเลือดมีขนาดเล็กลงเลือดที่มาเลี้ยงผิวหนังก็จะมีปริมาณลดลง ทำให้ร่างกายสูญเสียความร้อนน้อยลง ไฮโพทาลามัสจะกระตุ้นเส้นประสาทที่ควบคุมการหดตัวของกล้ามเนื้อโคนขน ทำให้ขนลุกชัน ถ้าอากาศหนาวเย็นมากกล้ามเนื้อต่างๆ จะหดตัวจนเกิดอาการสั่นได้ในทางตรงกันข้ามเมื่ออยู่ในสภาวะแวดล้อมที่อุณหภูมิ เท่ากับหรือสูงกว่าอุณหภูมิในร่างกาย ความร้อนจากร่างกายไม่สามารถถ่ายเทให้กับสิ่งแวดล้อมได้ ในสภาวะเช่นนี้ ไฮโพทาลามัสจะกระตุ้นต่อมเหงื่อที่อยู่ทั่วไปตามผิวหนังให้ขับเหงื่อออกมา และทำให้หลอดเลือดที่นำเลือดไปเลี้ยงที่ผิวหนังขยายตัวเพิ่มขึ้น เพื่อระบายความร้อนออกจากร่างกายให้มีอุณหภูมิลดลงสู่ภาวะปกติ
สัตว์มีกลไกในการรักษาอุณหภูมิของร่างกาย คือ
1. โครงสร้างของร่างกาย เช่น สัตว์ที่อยู่ในเขตหนาวจะมีขนยาวกว่าสัตว์ที่อยู่ในเขตร้อน
2. กลไกทางสรีรวิทยา ไฮโปทาลามัส (HYPOTHALAMUS) จะไวต่ออากาศหนาว
เมื่อได้รับการกระตุ้น ไฮโปทาลามัสจะไปกระตุ้นให้เกิดการเปลี่ยนแปลงดังนี้
– ทำให้เส้นเลือดที่นำเลือดมาเลี้ยงผิวหนังหดตัว ทำให้เลือดที่มาเลี้ยงผิวหนังลดปริมาณลง ร่างกายจะสูญเสียความร้อนน้อยลง
– กระตุ้นเส้นประสาทควบคุมการหดตัวของกล้ามเนื้อโคนขนทำให้ขนลุกชัน และกล้ามเนื้อให้หดตัวจนเกิดอาการสั่น
– กระตุ้นให้ต่อมไร้ท่อหลั่งฮอร์โมนไปกระตุ้นปฏิกิริยาการสลายอาหารให้ปล่อยพลังงานออกมาเพิ่ม เพื่อชดเชยความร้อนที่ร่างกายสูญเสียไป
เมื่อสภาพแวดล้อมเปลี่ยนแปลงไปมากๆ สัตว์ทั้งหลายจะต้องหาทางหลีกเลี่ยงสภาพแวดล้อมที่ไม่เหมาะสมและแสดงพฤติกรรมออกมาโดย
-การเปลี่ยนแปลงสภาพที่อยู่เพื่อที่จะอาศัยอยู่ได้อย่างเหมาะสม เช่นการแช่อยู่ในปลักหรือในน้ำของควาย หารขุดรูอยู่ในโพรงไม้ การอาศัยอยู่ในถ้ำของสัตว์จำพวกหมี
-การเลือกเวลาออกมาหากิน สัตว์ในทะเลทรายมักจะออกหากินในเวลากลางคืน เนื่องจากอุณหภูมิต่ำกว่าช่วงเวลากลางวัน
-การจำศีล เป็นสภาพที่สัตว์บางชนิดซ่อนตัวนิ่งๆ ไม่เคลื่อนไหวในสภาพแวดล้อมที่ไม่เหมาะสมระยะนี้อัตรา เมแทบอลิซึมของสัตว์จะลดลงอัตราเต้นของหัวใจและอัตราการหายใจจะลดลงมีการเผาผลาญอาหารที่สะสมไว้อย่างช้าๆ
การทำงานระบบประสาท
ระบบประสาท (nervous system)
ร่างกายของมนุษย์และสัตว์มีอวัยวะต่าง ๆ
ทำงานประสานสัมพันธ์กันเป็นระบบ และทุกระบบ
จะถูกควบคุม โดยระบบประสาทกับ ระบบต่อมไร้ท่อ
(ฮอร์โมน) การทำงานร่วมกันของสองระบบนี้เรียกว่า
ระบบประสานงาน (coordinating system) เพื่อการรับรู้
และตอบสนองต่อสิ่งเร้าโดยแสดงออกเป็นพฤติกรรมที่
หลากหลาย รวมทั้งการสืบพันธุ์ และการเจริญเติบโต
นำไปสู่ความสมดุลของร่างกาย ทำให้ชีวิตอยู่รอด
สามารถดำรงเผ่าพันธุ์ต่อไป ในบทเรียนนี้จะกล่าวถึง
กลไกการทำงานของระบบประสาท และ
อวัยวะรับความรู้สึก
ระบบประสาทส่วนกลาง
(CNS : central nervous system)
ประกอบด้วยสมอง (brain) เชื่อมต่อกับไขสันหลัง
เนื้อสมองและไขสันหลังมีตัวเซลล์ ใยประสาท และ
เซลล์ค้ำจุน ในเนื้อสมองและไขสันหลังมีโพรงติดต่อกัน
สมองและไขสันหลัง ถูกหุ้มด้วยเยื่อ 3 ชั้น ชั้นนอกสุด
หนาเหนียว ชั้นกลางเป็นเยื่อบาง ชั้นในสุดแนบสนิท
กับสมองและไขสันหลัง ระหว่างเยื่อหุ้มสมองกับ
กระโหลกศรีษะและกระดูกสันหลังมีช่องติดต่อกัน
ตลอดแนว ช่องนี้มีน้ำเลี้ยงบรรจุอยู่ พร้อมมีหลอดเลือด
แทรกอยู่บริเวณเยื่อชั้นในจำนวนมาก หลอดเลือดและ
น้ำเลี้ยงสมองได้นำอาหาร และออกซิเจนมาหล่อเลี้ยง
และนำของเสียออกจากบริเวณนี้ ด้านนอกสุดหุ้มด้วย
กระโหลกศรีษะและกระดูกสันหลัง